รูปภาพของฉัน

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข้อควรระวัง!! ในการอยู่ร่วมกัน โดยไม่ได้แต่งงาน



ทุกวันนี้หนุ่มสาวหลายคู่ที่อยู่ร่วมกันโดยไม่ได้แต่งงาน การตัดสินใจเช่นนี้ อาจพบปัญหาต่าง ๆ หลายด้าน



ประการแรก
ทำให้ขาดความมั่นคงของครอบครัว โดยเฉพาะผู้หญิง เมื่ออยู่กันไปนานเข้ามักเกิดความรู้สึกหวั่นไหว กลัวถูกฝ่ายชายทอดทิ้ง ทำให้เริ่มมีการเรียกร้องมากขึ้น หรือหึงหวงมากโดยไม่รู้ตัว


ประการที่สอง
ในแง่ของกฎหมาย เนื่องจากทั้งชายหญิงต่างก็ไม่มีข้อผูกมัดในทางกฎหมาย ถ้ามีการแยกกันในภายหน้า อาจมีปัญหา ทำให้ฝ่ายหญิงไม่สามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูได้ หรือฝ่ายชายอาจมีปัญหาในเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูลูก


ประการที่สาม
ความรู้สึกของญาติพี่น้องแต่ละฝ่ายอาจไม่ยอมรับและดูถูกดูแคลน


ประการที่สี่
ความรู้สึกของลูก เมื่อลูกโตพอรู้ความ ลูกอาจเกิดความรู้สึกสงสัยว่า ทำไมแม่ถึงไม่ใช้นามสกุลพ่อ หรือตัวของแม่เองก็เถอะ เวลาที่ต้องแจ้งประวัติ เมื่อเอาลูกเข้าโรงเรียน แม่จะรู้สึกขาดความมั่นใจ อคติ และอดกังวลไม่ได้ว่า บรรดาครูอาจารย์ของลูกจะมองตัวแม่อย่างไร


ประการที่ห้า
เป็นช่องทางให้เกิดการแตกหักได้ง่าย เนื่องจากต่างคนต่างก็ไม่มีข้อผูกมัดต่อกัน ถ้าเกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นมาแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หิ้วกระเป๋าจากไป ก็ปิดฉากชีวิต ที่อยู่ร่วมกันได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเหนี่ยวรั้งการแยกจากกัน หรือช่วยยืดเวลาของการแยกจากกันให้นานขึ้น เช่น กระบวนการหย่าร้างในทางกฎหมาย การต้องคำนึงถึงญาติผู้ใหญ่ ของแต่ละฝ่าย การคำนึงถึงการแบ่งทรัพย์สินหรือสินสมรส



ดังนั้น ก่อนที่คุณคิดจะอยู่ร่วมกันกับคู่รักโดยไม่แต่งงาน ก็ขอให้คิดถึงปัญหาข้างต้นเอาไว้ก่อน ถามใจคุณเองว่า คุณมีความมั่นใจในความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบของอีกฝ่ายได้แค่ไหน คุณสามารถเผชิญหน้ากับครอบครัว และสังคมโดยไม่รู้สึกหวั่นไหวได้หรือไม่ คุณคิดการณ์ไกลไปถึงการมีลูกด้วยหรือเปล่า และคุณสามารถทนพอใจ แค่การผูกพันทางพฤตินัยจริงหรือ คุณใจเร็วกับการตัดสินใจในครั้งนี้หรือเปล่า อย่าลืมว่าในสังคมไทย ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เป็นฝ่ายที่ถูกตำหนิติเตียนจากสังคม



การสร้างครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งคู่ต้องวางแผนและรับผิดชอบร่วมกัน จึงควรมีเวลาที่จะบ่มความรักให้สุกงอม สร้างความมั่นคงให้กับอนาคต และวัดใจของแต่ละฝ่ายว่า มีความแน่วแน่น่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร



อย่าด่วนผลีผลามกระโจนเข้าสู่ชีวิตคู่โดยไม่คิด และขาดหลักประกันใด ๆ ทั้งสิ้น หรือทำเพราะอารมณ์รัก อารมณ์ใคร่ แต่เพียงอย่างเดียว ยกเว้นแต่ว่า คุณจะเป็นคนที่รักอิสระ ทนผูกพันกับใครสักคนโดยไม่มีเขาไม่ได้ คุณเป็นคนไม่แคร์สังคม หรือความรู้สึกของคนอื่น ๆ และคุณพร้อมที่จะยอมรับสภาพต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องไม่ดี หรือเป็นเรื่องที่ทำให้คุณเจ็บปวดชอกช้ำ ในภายหลังก็ตาม

ปักกิ่ง


ปักกิ่ง

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุนัขส่วนมากเมื่อเขียนถึงพันธุ์ปักกิ่งก็จะเริ่มต้นว่า พันธุ์ปักกิ่งเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นเวลาหนึ่งหรือสองพันปีขึ้นไป สุนัขสายพันธุ์ปักกิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นจะคล้ายคลึงกับสุนัขขนาดเล็กของจีนยุตโบราณ

ย้อนเวลากลับไป มีหลักฐานว่าคนจีนเลี้ยงสุนัขขนาดเล็กมาตั้งแต่ 1500 ปีก่อนแล้ว ในปี ค.ศ. 565 พระเจ้าจักรพรรดิประเทศจีนทรงพระราชทานนามสุนัขของพระองค์ว่า "ชิ ซู" หรือ "เสือแดง" เป็นสุนัขเปอร์เซียน เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิทรงม้า "เสือแดง" จะขึ้นไปนั่งบนตะกร้าที่ผูกไว้ด้านหน้าอานม้า ในปี ค.ศ. 620 มีบันทึกว่าสุนัขตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่ง สูงประมาณ 6 นิ้ว ถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายจักรพรรดิเกาสู บันทึกอ้างว่าสุนัขคู่นี้มีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถนำทางม้าในเวลากลางคืน

หลักฐานทำนองนี้สืบเนื่องกันมากจนกระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อราชวงศ์ของกุบไลข่านถูกพิชิตลง บันทึกหลักฐานต่างๆ ก็หมดสิ้นลงไปด้วย เป็นเวลาสืบเนื่อง 33 ปี เรารู้แต่ว่าคนจีนหันมานิยมเลี้ยงแมวแทนสุนัข โดยเฉพาะในสังคมชั้นสูง ธรรมเนียมการเลี้ยงสุนัขขนาดเล็กของจีนมาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดระหว่างปี ค.ศ. 1820 ถึง 1850 ในช่วงเวลานั้นมีสุนัขอยู่หลายพันธุ์ในนครปักกิ่ง พวกขันที 4000 คน ยังมีหน้าที่เฉพาะในการผลิตเพาะสุนัขแบบที่เราเรียกว่า "พันธุ์ปักกิ่ง" ด้วย พระนางซูสีไทเฮาทรงเป็นผู้ทำนุบำรุงกิจกรรมนี้ พระนางยังทรงกระตุ้นให้สร้างรูปแบบพันธุ์คล้ายกับ "สุนัขสิงห์โต" แบบเก่า กิจกรรมข้อหนึ่งก็คือจัดร่างกฎเกณฑ์แบบเฉพาะของสุนัข ข้อความที่นำมาเสนอแบบย่อๆ มีดังนี้ "จงให้มันสวมคลุมขนแห่งความสง่ารอบๆ คอ ขาคู่หน้าของมันจะต้องโค้ง เพื่อไม่ให้มันเดินออกไปไกลๆ หรือเดินออกนอกเขตพระราชฐาน จงสอนมันให้ละเว้นการเตร็ดเตร่ไปมา ให้มันมีขนเหมือนสิงห์โต เหมาะที่จะอุ้มไว้ในชายแขนเสื้อคลุม …" กฤษฎีกานี้ยังกำหนดต่อไปถึงอาหารของสุนัข เช่น "หูฉลาม" "ตับนก" และ "ส่วนอกนกกระทา" เราอาจจะไม่ถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังนัก อย่างไรก็ตามหลักฐานนี้ทำให้เรารู้ว่ามีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งเกิดขึ้นมาแล้วและมักจะพบสุนัขพันธุ์นี้ในพระราชวังเท่านั้น ในสมัยก่อนผู้ใดขโมยสุนัขนี้จะได้รับโทษถึงประหารชีวิต พระราชวังแห่งปักกิ่งถูกชาวต่างชาติบุกเข้ายึดครองเมื่อปี ค.ศ. 1860 ก่อนการสูญเสียมีคำสั่งจากพระราชวงศ์ว่าให้สุนัขตายไปเสียดีกว่าจะให้ตกอยู่ในมือของคนต่างชาติ เจ้าฟ้าหญิงพระองค์หนึ่งไม่ยอมเสด็จหนี ทั้งไม่ยอมให้ทหารดรากูนเข้าจับกุมด้วย ทรงปลงพระชนม์ชีพของพระองค์เอง แต่ไม่ได้ทำลายสุนัขที่เลี้ยงไว้ สุนัขปักกิ่งสี่ตัวถูกทหารยึดได้ ตัวหนึ่งถูกส่งขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระราชินีวิคตอเรีย อีก 3 ตัวที่เหลือยุคแห่งริชมอนด์เลี้ยงดูไว้ ต่อมาก็มีผู้นำตัวอื่นๆ เข้าสู่อังกฤษอีก ตัวหนึ่งได้นำถวายควีนวิคตอเรีย ส่วนอีก 3 ตัวมอบให้ LORD HAY และได้แพร่พันธุ์กระจายไปทั่วไปโลก ซึ่งก็หมายถึงการเลี้ยงดูเพาะสร้างสายพันธุ์ที่ตามมา
เรื่องราวเหล่านี้อ่านแล้วเหมือนนิยาย แต่ก็เป็นเรื่องจริง เรื่องคล้ายนิยายและความเกี่ยวพันกับราชวงศ์ซึ่งเป็นของสูงนี้ ทำให้พันธุ์ปักกิ่งได้รับความนิยมอย่างใหญ่หลวงตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น LION DOG SUN DOG หรือ STEEVE DOG ปักกิ่งเป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจที่สุดและมีบุคลิกลักษณะที่ผิดธรรมดาที่สุด มันมีลักษณะผสมกันประหลาดๆ ของความขบขันและความทรนง เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ด้วยทั้งยังมีความหัวแข็งดื้อรั้นอย่างน่าทึ่ง บางครั้งก็ไม่ยอมรับคำสั่งโดยเด็ดขาด พวกมันชอบเก้าอี้นวมบุแพรไหม แต่ถ้ามีอารมณ์สนุกแล้วก็อกไปวิ่งไล่จับกระต่ายเลย ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้ทำให้สุนัขพันธุ์นี้พุ่งขึ้นไปสู่ระดับสุดยอด พันธุ์ปักกิ่งไม่เคยหลุดออกจากยี่สิบอันดับแรกสุนัขยอดนิยมของอังกฤษ (Top Twenty) และยังคงติดอันดับสูงมาจนทุกวันนี้ สำหรับในสหรัฐอเมริกานั้นทั้งๆ ที่พันธุ์ปักกิ่งเพิ่งเข้าไปเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่ก็เป็นสุนัขระดับยอดนิยมแล้ว

มาตราฐานสายพันธุ์
ศีรษะ : มีขนาดใหญ่ แข็งแรง กว้างและแบน ในช่วงระหว่างหูทั้งสองข้างจะต้องไม่มีโค้งนูนเป็นโดม มีระยะระหว่างตาทั้งสองข้างกว้า
จมูก : จมูกสีดำ กว้าง สั้นและแบน
ตา : ตาโต สีเข้ม กลมนูนเด่นประกาย
สต๊อป : หรือรอยต่อระหว่างสันจมูกกับหน้าผากจะต้องลึกมาก
หู : มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ไม่อยู่สูงเกินไป ยาวพอสมควร ปลายหูอยู่ระดับต่ำกว่าช่วงปากเล็กน้อย ห้อยตกลงแนบแก้ม ปกคลุมด้วยขนที่ยาวมาก
ช่วงปาก : สั้นมาก กว้าง มีรอยย่น ไม่ยื่นแหลม แข็งแรง ขากรรไกรล่างกว้าง ฟันไม่ยื่นให้เห็นนอกริมฝีปาก
รูปร่างของลำตัว : ลำตัวช่วงหน้าใหญ่หนักแข็งแรง หน้าอกกว้าง ซี่โครงโค้งกว้างค่อยๆ เรียวลงทางด้านหลัง รูปร่างเหมือนสิงโต หลังเรียบขนานกับพื้น ลำตัวสั้นยกเว้นตัวเมียที่อาจยาวกว่าตัวผู้ได้เล็กน้อย
ขา : ขาสั้น ขาหน้ามีกระดูกช่วงบนโค้ง ไหล่แข็งแรง ขาหลังมีกระดูกที่เล็กบางกว่าเล็กน้อย แต่แข็งแรงและได้สัดส่วน
เท้า : เท้าแบน ปลายเท้าเฉียงออก ไม่มีลักษณะกลม จะต้องยืนได้มั่นคงบนเท้าไม่ใช่ยืนบนข้อเท้า
ลักษณะท่าทาง : ไม่กลัวใคร เป็นอิสระ แข็งแรง ลักษณะการเดินจะมีการโยกตัวซ้ายขวาอย่างนุ่มนวล(ROLL)
ขน : ขนยาว มีขนชั้นในที่หนาแน่น ขนมีลักษณะเป็นเส้นตรง เรียบไม่หยิกเป็นคลื่น ค่อนข้างหยาบแต่นุ่ม ขนบริเวณสะโพก ขา หางและหูจะต้องยาวและฟูมาก
ขนแผงคอ : ยาวและฟูมาก กว้างเกินหัวไหล่ ปกคลุมตลอดรอบลำคอ
สี : มีได้ทุกสีคือ แดง ฟอน (สีโทนน้ำตาล) ดำ ดำกับแทน (BLACK AND TAN) เซเบิล (ขนสีดำที่ปกคลุมสีของลำตัวที่อ่อนกว่า) บรินเดิ้ล (ขนสีเข้มและสีอ่อนขึ้นแซมกันทั่วตัว) ขาวและขน 2 สี (PATICOLOR) คือ จะต้องมีสี 2 สีที่แยกจากกันอย่างชัดเจนกระจายอยู่ทั่วตัว ไม่มีสีใดสีหนึ่ง เป็นบริเวณกว้างอยู่สีเดียว จะต้องมีสีขาวปรากฎบริเวณหลัง สำหรับสุนัขที่มีสีเดียว แต่มีเท้ากับหน้าอกยาว ไม่นับเป็นประเภทขนสองสี
หาง : ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง วางพาดไปบนหลัง ปลายหางตกลงด้านใดด้านหนึ่ง มีขนยาวตรงแน่นและฟูมาก
ขนาด : เนื่องจากปักกิ่งเป็นสุนัขตุ๊กตา (TOY) จึงนิยมให้มีขนาดเล็ก โดยจะต้องมีลักษณะที่ถูกต้อง น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 14 ปอนด์
การแสดงออก : จะต้องแสดงออกถึงต้นกำเนิดเดิมในประเทศจีน คือ มีความกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง เหมือนสิงโตที่มีขนาดเล็ก มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กลัวใคร พร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตัวแต่ไม่ดุร้าย ไม่ควรมีลักษณะอ่อนหวานหรือบอบบาง
ข้อบกพร่อง : ที่จะถูกหักคะแนน ในการประกวด ลิ้นยื่นให้เห็นนอกปาก ตาเจ็บอักเสบ ขากรรไกรบนยื่นกว่าขากรรไกรล่าง (OVERSHOT) และปากเบี้ยว (WRY MOUTH)
ที่จะถูกตัดสิทธ ิ์ในการประกวด จมูกสีชมพูหรือสีน้ำตาล (DUDLEY NOSE) น้ำหนักเกินกว่า 14 ปอนด์


Ads by Google เลิกเป็น ผู้ ป่วย โรค อ้วน สูตรคนดัง
ลดทั้งหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก รับชุดทดลองซิคะ รับรอง! ไม่ผิดหวัง
www.Health2Shape.com/sample
รายได้เสริม 3,000 บาท/วัน
ทำงานผ่าน NET 1-2ชม/วัน กับ บ.มหาชน ถูกกฏหมาย จ่ายเงินจริง มีใน70ประเทศ
www.Click-OnlineJob.com/135
น้ำหอมบำรุงขน สุนัข แมว
น้ำหอมชั้นดี บำรุงขน หวีง่าย แชมพู สุนัข ขนขาว คุณภาพส่งออก
www.furgrance.com




รวมเรื่องฮอต : คลิปเด็ด ภาพเด็ด ซุบซิบดารา กระทู้ฮอต ข่าวเด่น วาไรตี้ เกมส์-ไอที ข่าวกีฬา คลิกที่นี่

หน้านี้ถูกเปิดอ่านแล้ว 30769 ครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ชิห์สุ Shin Tzu
เซนต์เบอร์นาร์ด
ร็อทไวเลอร์
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

สูตรขนมหวานไทย : สังขยาฟักทอง


* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)

* ไข่่ 4 ฟอง

* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง

* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง

* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา

* น้ำปูนใส
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)

2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี

3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ
เรื่องของ..จิ๊กซอว์
บนโต๊ะตัวหนึ่ง มีจิ๊กซอว์กระจัดกระจายอยู่เต็มเกลื่อนกลาด ยังไม่มีชิ้นไหนถูกปะติดปะต่อกัน

ที่มุมโต๊ะด้านหนึ่ง จิ๊กซอว์สองตัวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆกัน ลวดลายของทั้งสองเป็นสีฟ้าอ่อนของท้องฟ้ายามเช้าเหมือนกัน คล้ายๆว่าจะเป็นจิกซอว์ที่อยู่ข้างกันในรูปที่สมบูรณ์

จิ๊กซอว์ทั้งสองตัวจึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหากัน เริ่มหมุนตัวช้าๆ พยายามหามุมที่จะประสานกับอีกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ใช้ส่วนเว้าของเรา ไปสอดรับกับส่วนโค้งของเขา หาส่วนเว้าแหว่งของเขา มารับส่วนป้านเทอะทะของเรา..... ทั้งคู่พยายามอยู่อย่างนั้น......

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จิ๊กซอว์ทั้งสองพยายามอย่างมากที่จะต่อกันให้สนิท มุมแล้วมุมเล่าที่ลองปรับ เหลี่ยมแล้วเหลี่ยมเล่าที่พยายามประสาน ไม่มีครั้งไหนจะต่อกันได้อย่างสนิทไร้ช่องว่างส่วนเกินเลย

สุดท้าย จิ๊กซอว์ตัวที่ใหญ่กว่าจึงยอมแพ้ เคลื่อนตัวจากไป จิ๊กซอว์ตัวเล็กกว่าร้องเรียกด้วยเสียงโศกเศร้า

"เธอจะไปไหน ฉันทำผิดอะไรเหรอ เธอถึงต้องจากฉันไป ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไม เธอต้องยอมแพ้แบบนี้ด้วย เธอไม่สงสารฉันเลยหรือ ไม่เสียดายวันเวลาที่เรา พยายามต่อประสานให้เป็นหนึ่งเดียวกันหรือ"

จิ๊กซอว์ตัวใหญ่หันกลับมาด้วยสีหน้าปวดร้าว เอ่ยเสียงเรียบ

"ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอทำผิด การที่เราต่อกันเป็นชิ้นเดียวไม่ได้ มันไม่ใช่ความผิด ของเธอ ไม่ใช่ความผิดของฉัน เพียงเพราะว่าเราไม่ได้เป็นจิกซอว์ที่ถูกออกแบบ มาให้อยู่ข้างกัน ก็เท่านั้น และฉันก็กำลังยอมรับมันด้วยความเจ็บปวด.... ฉันเสียใจที่ทำเธอบอบช้ำจากการที่เราพยายามดัดตัวเองให้ประสานกับอีกฝ่าย
แต่ก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันก็บอบช้ำไม่ต่างกับเธอเลย เวลาและความพยายามของเรามัน ไม่สูญเปล่าไปหรอก เพราะอย่างน้อย มันก็ทำให้เรารู้ว่าส่วนโค้งของเรามันโค้ง แค่ไหน ส่วนเว้าของเรามันลึกเท่าไหร่ และเราควรจะหาจิ๊กซอว์รูปร่างแบบไหน มาเติมเต็มช่องว่างที่เราขาดไป ร้องไห้อยู่ตรงนั้นเถิด และทิ้งความโศกเศร้าทั้ง หมดไว้ตรงนั้น เมื่อเธอแข็งแรงดีแล้ว เธอจงตามหาจิ๊กซอว์ตัวที่ถูกสร้างมาอยู่ ข้างๆเธออย่างแท้จริง ถึงวันนั้นเธอคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในวันนี้"

จิ๊กซอว์ตัวใหญ่จากไปแล้ว แต่เรื่องราวยังดำเนินต่อไป ร่องรอยบอบช้ำและเสียงร้องไห้ของตัวจิกซอว์มากมาย ยังคงแว่วมาจากทั่วทุกจุดบนโต๊ะ........

สุดท้ายแล้ว จิ๊กซอว์ของภาพชื่อความรักนี้จะถูกประกอบเป็นรูปที่สมบูรณ์สวยงามได้หรือไม่....ไม่มีใครรู้

และถึงตอนนี้ จิ๊กซอว์ตัวเล็กผู้น่าสงสารตัวนั้น จะเข้าใจสิ่งที่จิ๊กซอว์ตัวใหญ่พูดหรือยัง.....ไม่มีใครรู้

ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของจิ๊กซอว์ตัวใหญ่ทั้งหมดคือความจริงหรือเป็นเพียงข้อแก้ตัว....ยิ่งไม่มีใครรู้

.......เมื่อไหร่จะมีใครรู้......


พืชผัก - ผลไม้
นอกจากมีเส้นใยอาหาร แล้วยังประกอบไปด้วยสารต้านมะเร็งอีกมากมายหลายชนิด

มะเร็งเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับหนึ่ง ในคนไทย มะเร็งเป็นโรคร้ายแต่สามารถป้องกันได้ กินอาหารที่ประกอบด้วยผัก - ผลไม้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารที่กิน หรือ 500 กรัมต่อวัน และลดอาหารไขมันสัตว์ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ 20-30%

จากผลการศึกษาทางระบาดวิทยา ในประชากรที่กินอาหาร ประกอบด้วยพืชผัก และผลไม้มากเป็นประจำ จะมีอัตราการเกิดมะเร็งน้อยกว่า ในประชากรที่กินอาหารเนื้อสัตว์มาก และกินผักผลไม้น้อย

ใน ผัก - ผลไม้ มีเส้นใยอาหาร เกลือแร่ วิตามัน และสารหลายชนิด (bioactive compounds) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งขบวนการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งสามารถป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคอ้วน โรคอัลไซเมอร์ และชะลอความแก่ชราได้อีกด้วย

กินผัก ผลไม้สด วันละ 500 กรัม เป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ 20% (มะเร็งช่องปาก หลอดอาหาร ปอด กระเพาะอาหาร ตับ ลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน เต้านม กระเพาะปัสสาวะ)

เส้นใยอาหาร

เส้นใยอาหารโดยทั่วไป หมายถึง สารจากพืชที่ไม่ย่อยสลายด้วยเอนไซม์ ในทางเดินอาหารของคน การกินอาหารที่มีเส้นใยสูง มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งเต้านม ช่องปาก กระเพาะอาหาร และทวารหนัก เป็นต้น

สารเม็ดสีในพืช

สารเม็ดสีในพืชมีคุณสมบัติต้านมะเร็งหลายชนิด เช่น ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น แบ่งได้ 3 กลุ่ม ดังนี้

คลอโรฟิลล์ สารสีเขียว พบในพืชใบเขียวทั่วไป เช่น คะน้า ผักโขม ตำลึง และสาหร่าย เป็นต้น
สารคาโรทีนอยด์ สารสีส้ม - เหลือง และ แดง - ส้ม มีหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปีน เป็นต้น พบในแครอท ฟักทอง มะเขือเทศ และผักใบเขียวอื่นๆ
สารแอนโทไซยานิดิน สารสีน้ำเงิน ม่วง แดง พบในหัวบีทเบอร์รี่ เชอร์รี่ องุ่นม่วง และแดง กะหล่ำม่วง เป็นต้น


ผักตระกูลกะหล่ำ
พืชตระกูลกระหล่ำมีหลากชนิด เช่น บรอคโคลี กระหล่ำปลี ดอกกระหล่ำ หัวผักกาด มีสารสำคัญหลายชนิด เช่น sulforaphane และสาร isothiocyanate ซึ่งช่วยขับพิษสารเคมี สาร indole สามารถจับสารก่อมะเร็ง ขับพิษสารเคมี และรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน สาร glucosinolate ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญของเนื้องอก เป็นต้น



ส้ม - มะนาว
ส้ม - มะนาว นอกจากมีวิตามินซีแล้ว ยังประกอบไปด้วยสารอื่น อีก เช่น สาร flavonoids ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ยับยั่งการแข็งตัวของเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง สาร limonoids ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเนื้องอก สาร limonoids มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ สาร carotenoids มีคุณสมบัติยับยั้งอนุมูลอิสระ สาร terpenes ลดการสร้างคลอเรสเตอรอล และส่งเสริมเอนไซม์ที่ยับยั้งสารก่อมะเร็ง


หอม - กระเทียม
พืชประเภท หอม - กระเทียม มีสารป้องกันมะเร็งหลายชนิด เช่น สาร diallyl disulfide และ daillyl trisulfide พบในน้ำมันกระเทียม สาร S-allyl cystein พบในกระเทียมทุบ สารเหล่านี้มีกลไกการทำงานหลายอย่าง เช่น กระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น




เห็ด และสาหร่ายทะเล
สาร lentinan ในเห็ดหอม และเห็ดหลินจือ และสาร polysaccharide ในเห็ด Mitake สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการแพร่กระจาย ของเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง ในสาหร่ายทะเลมีสาร mucin ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายเส้นใยอาหาร จะดูดซับน้ำ และสารพิษ นอกจากนี้ยังพบสาร mucopolysaccharide ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย




เครื่องเทศ

ในเครื่องเทศ พบสารต้านมะเร็ง เช่น พริกไทย ขิง ขมิ้น rosemary และอื่นๆ สารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ





ผัก - ผลไม้อื่นๆ

สับปะรด มีสาร bromelain ต้านมะเร็งในสัตว์ทดลอง ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

ทับทิม แอปเปิล องุ่น และสตรอเบอร์รี่ มีสาร Ellagic acid ที่สามารถจับและทำลายพิษ ของสารก่อมะเร็ง

แอสปารากัส อะโวกาโด บรอคโคลี แตงโม มีสาร glutathione เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และขับพิษสารเคมี

ผักชีฝรั่ง มีสาร polyacetylenes สามารถยับยั้งการสร้างสารส่งเสริมมะเร็งได้